หลังจากที่ MG5 ทำตลาดมาเกือบ 1 ปีด้วยยอดขายที่ประสบความสำเร็จกว่ารุ่นที่ผ่านมาแบบขาดลอย
ไม่หยุดแค่นั้น เนื่องจากปัญหาชิปขาดแคลนทำให้ต้องแยกรุ่นย่อยออกเพื่อไม่ให้ขาดตอนในการผลิต
ดังนั้น MG5 ได้มีการเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ พร้อมปรับอุปกรณ์ให้ใกล้เคียงกับรุ่นท็อปในราคาที่แพงขึ้นเล็กน้อย
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมมีดังนี้
- เพิ่มรุ่นย่อย D+ โดยออปชั่นเพิ่มจากรุ่น D ทั้ง
- กระจังหน้าสีทูโทน
- หลังคามูนรูฟ
- มาตรวัดพร้อมจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
- เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
- ไฟส่องสว่างด้านหลัง
- กล้องรอบคัน
- รุ่น C เพิ่มล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว
- รุ่น D เพิ่มล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วทั้งรุ่นธรรมดาและรุ่น +
- รุ่น X เพิ่มสปอยเลอร์หลัง
- ยกเลิกสีเงิน Silver Metallic
ข้อแตกต่างระหว่างรุ่น D+ และรุ่น X มีดังนี้
- ภายในสีทูโทนดำ/แดง (ยกเว้นสีเหลือง)
- i-Smart
- ระบบเตือนมุมอับด้านข้างและขณะถอยหลัง
- ระบบเตือนการชนด้านหลัง
- ม่านนิรภัย
สีตัวถังมีดังนี้
- สีเหลือง Nuclear Yellow
- สีแดง Scarlet Red
- สีขาว Arctic White
- สีดำ Black Knight
- สีเทา Metal Ash Grey
ขุมพลัง
- เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 150 นิวตัน-เมตร
ที่ 4,500 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติใหม่ CVT ล็อกอัตราทด 8 จังหวะ (รุ่นเดิมเป็นเกียร์อัตโนมัติ
4 จังหวะ) ขับเคลื่อนล้อหน้า
ระบบความปลอดภัยมีมาให้ดังนี้
- ระบบเตือนการชนด้านหลัง Rear Collision Warning
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน Lane Departure Warning
- ระบบเตือนมุมอับด้านข้าง Blind Spot Detection
- ระบบเตือนมุมอับขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert
- กล้องมองภาพรอบทิศทาง
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (ด้านหน้า 2 + ด้านข้าง 2 + ม่านนิรภัย 2)
สัมผัส MG5MY2022 ที่โชว์รูม MG ทั่วประเทศ